เจาะลึกสุดยอด 4 แพลตฟอร์มเครื่องมือการทำการตลาดออนไลน์ Social Media ที่ทำให้ธุรกิจ “ปัง ดัง โดน”
1. Facebook คือการสร้างสังคม Group and Community (5 ดาวที่ควรใช้ทำการตลาด)
(ผู้ใช้ User)
เป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งในปจจุบันที่จํานวนผู้ใช้เยอะมากที่สุด 53 ล้านบัญชีในประเทศไทย โดยคนส่วนใหญ่ก็ จะเป็น Gen Y (อายุประมาณ 21 – 38) เป็นส่วนใหญ่ ตามมาด้วย Gen X (อายุประมาณ 39 – 53) Baby Boomer (อายุ 54 – 72) และ Gen Z (อายุตั้งแต่ 20 ลงมา) ที่ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ
(พฤติกรรมการใช้ Behavior)
Facebook มักจะมีคนใช้งานตลอดทั้งวันเมื่อมีเวลาว่าง ใช้เวลาสั้นๆ แต่ดูบ่อย ติดตามชีวิตเพื่อนครอบครัวแฟนเพจที่สนใจทำให้ข้อมูลของผู้ใช้โดยเก็บไว้หมด
(การทำเนื้อหา Content ที่เหมาะสม)
โดยส่วนใหญ่เหมาะสําหรับเนื้อหาที่ดึงดูด น่าสนใจ มีวิดีโอเวลาสั้นๆ (1-3 นาที) หรือเนื้อหาอ่านไม่ยาวมาก Quote คําสั้นๆโดนๆ ที่แชร์ต่อได้ง่าย
(วัตถุประสงค์ Objective)
ด้วยเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้จํานวนมากใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนแฟลตฟอร์มนี้ เป็น กลุ่มคนที่มีกําลังซื้อมากพอสมควร และด้วย Facebook สามารถทําโฆษณาได้อย่างเจาะลึก จึงยังเป็นแพลตฟอร์มที่ทั้งสามารถ สร้างการรับรู้ (Brand Awareness), สร้างปฎิสัมพันธ์ (Engagement), สร้างกลุ่มคนที่มีความสนใจ (Lead Generation), เป็นช่องทางดูแลลูกค้า (Facebook Messenger), และปิดการขายได้อย่างดี (Conversion)
(ข้อจำกัด Limitation)
ด้วยในป้จจุบันการแข่งขันสูงมาก ทําให้การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทําได้ยากขึ้นและ มีความท้าทาย ถ้าขาดกลยุทธ์และความรู้ในการทําการตลาดและการโฆษณาที่ดี อาจตกเป็น เหยื่อเสียค่าโฆษณาให้กับFacebook แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการไว้
(รูปแบบการทำโฆษณา advertising)
การซื้อโฆษณามีความแม่นยำกว่าโฆษณาช่องทางอื่นๆ กลุ่มเป้าหมายแม่นกว่า เพราะรับบเฟซบุ๊กเก็บพฤติกรรคนใช้ไว้หมด เช่นคนเล็กหวยได้ พนันออนไลน์ได้ ทำโหษณาในรูปแบบ ภาพ คลิปได้
(งบประมาณที่ใช้ในการทำโฆษณาและได้ผล)
ต้องลงโฆษณาต่อเนื่อง เลือกกลุ่มเป้าหมายให้แม่นให้เป็น ใส่เงินให้เหมาะสม แต่ถูกผลลัพธ์ของโฆษณาอยู่ตลอดเวลา สามารถใส่เงินขั้นต่อที่ 50 บาทต่อโฆษณาแต่จะได้ผลต้อง เดือนละประมาณ 10,000 บาทและมีความชำนาญในการซื้อ
—————
2.Line Official Account คือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้เป็น No.1 CRM
(ผู้ใช้ User)
แพลตฟอร์ม Line มีผู้ใช้งาน 44 ล้านบัญชีนั้นเป็น ช่องทางที่ผู็คนใช้ในการสื่อสารกันแบบ 1 ต่อ1 เป็นหลักโดยผู้ใช้ก็มีหลากหลายกลุ่มอายุ ตั้งแต่ Baby Boomer (อายุ 54 – 72) และ Gen Z (อายุตั้งแต่ 20 ลงมา)
(พฤติกรรมการใช้ Behavior)
พฤติกรรมหลักจะเป็นการสื่อสารกัน 1 ต่อ 1 รวมถึงเป็นช่องทางติดตาม Line ที่เราสนใจ รวมถึงจะมีกลุ่มต่างๆที่เราเข้าร่วมเอาไว้
(การทำเนื้อหา Content ที่เหมาะสม)
ถ้าพูดถึง Line Content นั้นเป็นได้ตั้งแต่ ตัวหนังสือ รูปภาพ รวมถึง วิดีโอ หรือลิงก์เพื่อให้ผู้อ่านคลิกต่อไปยังปลายทางที่วางไว้ เช่นหน้าเว็บสั่งของ หน้าเว็บสมัครเล่นการพนัก
(วัตถุประสงค์ Objective)
วัตถุประสงค์หลักของ Line นั่นคือการทํา Customer Retention หรือระบบการดูแล รักษาลูกค้าได้เป็นอย่างดี ที่ทําให้คุณสามารถลดรายจ่ายในการโฆษณาออกไปหาลูกค้าใหม่
(ข้อจำกัด Limitation)
Line จะเป็น แพลตฟอร์มในการติดต่อและรักษาลูกค้ามากกว่าการที่จะหาลูกค้า ใหม่ๆ จึงจําเป็นต้องวางแผนในการให้คอนเทนต์ หรือโปรโมชันให้กับผู้ติดตามอย่างสมํ่าเสมอ
(รูปแบบการทำโฆษณา advertising)
ทำการสมัครรูปแบบเป็น LINE Boardcast สมัครรายเดือน 1,000 กว่าบาท ส่งข้อความหาสมาชิกได้ไม่จำกัด ดูสถิติข้อมูลได้ ทำการตลาดส่งโปรโมชั่นได้ แจกของ แจกเงินได้ ถ้าอยากมี Premium ID จ่ายปีละประมาณ 200 บาท มันก็จะมี Premium ID แบบชื่อธุรกิจให้ ตัวอย่าง @huadee
(งบประมาณที่ใช้ในการทำโฆษณาและได้ผล)
ก็ไม่มากนักประมาณเดือนละ 2000 กว่าบาท แต่ถ้าทำโฆษณาใน timeline ของไลน์ด้วยนั้นจะต้องใช้เงินถึงเดือนละ 5000 บาท จะเป็นโฆษณาคล้ายของเฟซบุ๊กแต่จะอยู่ใน timeline ส่วนตัวของผู้ใช้ไลน์เห็น
——-
3. YouTube คือช่องทางการตลาดที่เป็น Content Library
พฤติกรรมคนดูวิดีโอแต่ละแพลตฟอร์มไม่เหมือนกัน หากเป็น Facebook คือวิดีโอสั้น กระชับและน่าสนใจ แต่หากเป็น YouTube คือการดูยาว สถิติที่น่าสนใจ ความยาวเฉลี่ยในการดูวิดีโอยูทูบต่อครั้งอยู่ที่ 40 นาที
(ผู้ใช้ User)
แพลตฟอร์มวิดีโอยักษ์ใหญ่ ที่มีจํานวนผู้ใช้เยอะรองลงมาจาก Facebook โดยคนส่วน
ใหญ่ก็จะเป็นทั้ง Gen Y Gen Z Gen X และ Baby Boomer ตามลําดับ
(พฤติกรรมการใช้ Behavior)
ด้วยเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่มีระยะเวลาที่ยาวขึ้นมาหน่อย ผู้ใช้จะใช้เวลาที่นานขึ้นใน การรับชมแต่ละครั้ง อาจจะเป็นในเวลาเดินทาง เวลาพัก เวลาเลิกงาน หรือก่อนนอน เพื่อรับชม วิดีโอที่สนใจ
(การทำเนื้อหา Content ที่เหมาะสม)
โดยส่วนใหญ่เหมาะสําหรับเนื้อหาที่มีใช้เวลาได้นานขึ้นตั้งแต่ 3 นาทียาวไปจนถึงเป็นชั่วโมงก็ดี
(วัตถุประสงค์ Objective)
พฤติกรรมของคนดู YouTube จะใช้เวลานานบนแพลตฟอรืมเพื่อดูสิ่งที่ตนสนใจ เนื้อหาในการโฆษณาจะต้องทําให้น่าสนใจ น่าติดตาม ชวนให้ดูโฆษณาจนจบหรือติดตามต่อไปใน ช่องทางอื่นๆ ดังนั้นจุดประสงค์หลักในการทําโฆษณาจะเน้นในการสร้างการรับรู้ (Brand- Awareness) ได้เป็นอย้างดี สามารถทำช่องของธุรกิจได้ เช่น ช่องแนะนำเลขเด็ด
(ข้อจำกัด Limitation)
การโฆษณาบน YouTube จะมีระยะเวลาสั้นหรือสามารถกดข้ามได้ ความ สร้างสรรค็ในการทําชิ้นโฆษณาคือสิ่งจําเป้น เพื่อให้ผู้ชมสงสัยหรืออยากดูโฆษณาต้อ และสนใจใน การใช้สินค้า/บริการของเราต่อไป
(รูปแบบการทำโฆษณา advertising)
ต้องซื้อโหษณาผ่าน google adword ต้องเตรียมภาพ หรือคลิป เพื่อใช้ซื้อโหษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายในการชมเนื้อหาใน youtube นั้น มีโฆษณาแบบ คลิปกดข้ามได้เรียกว่า TrueView Ads หรือ Skippable Video Ads (โฆษณาที่กดข้ามได้)
Non-Skippable Video Ads (โฆษณาวิดีโอที่กดข้ามไม่ได้) Bumper Ads (โฆษณาที่แสดงเพียง 6 วินาทีและไม่สามารถกดข้ามได้)
(การคำนวนค่าใช้จ่าย)
CPV (Cost Per View) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อการชมวิดีโอ 1 ครั้ง เมื่อผู้ชมชมวิดีโอครบตามเวลาที่กำหนดคือ 30 วินาที (หรือช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าวิดีโอสั้นกว่า 30 วินาที) หรือโต้ตอบกับวิดีโอของคุณ ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดขึ้นก่อน CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณา ต่อเมื่อมีการแสดงผลโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง โดยไม่สนใจว่าจะมีการคลิกโฆษณากี่ครั้ง
(งบประมาณที่ใช้ในการทำโฆษณาและได้ผล)
ต้องวางแผนสื่อที่จะใช้โฆษณาว่าจะเป็นคลิป หรือภาพ งบประมาณต่อเดือนก็ประมาณ 40000-50000 ที่จะได้ผล
————-
4. การทำโฆษณาผ่านช่องการค้นหา google ติดหน้าแรก
การโฆษณา google คือการโปรโมทเว็บไซต์หรือโฆษณาเว็บไซต์ ให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักของผู้อื่นให้มากที่สุด เพื่อการโปรโมทเว็บไซต์พร้อมทั้งบอกรายละเอียดให้กับลูกค้าเก่ากับลูกค่าใหม่ได้ทราบข่าวสารและสามารถค้นหาเว็บไซต์ได้ง่าย การโฆษณา google จะมีวิธีทำการอยู่หลากหลายกลวิธี เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับต้นๆ บนเว็บไซต์โดยอาจจะเป็นการทำ seo ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ หรือ การทำ google adword เองก็ตาม
(ผู้ใช้ User)
การทำโปรโมชั่นกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ใช้งาน Search Engine เพื่อให้รู้จักเว็บไซต์ สินค้า หรือบริการของเรา และนำมาซึ่งยอดผู้ใช้เว็บไซต์และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการให้มากยิ่งขึ้น
(วัตถุประสงค์ Objective)
ในการลงโฆษณาผ่าน Google Adwords ซึ่งเราต้องประมูล Keywords ที่คนใช้ค้นหาสินค้าหรือบริการของเรา เพื่อที่จะให้โฆษณาของเราไปปรากฎอยู่เมื่อมีการค้นหาเกิดขึ้นใน Search Engine ตำแหน่งของโฆษณานั้นจะถูกกำหนดโดยค่าประมูลที่เรียกว่า ค่า CPC (Cost Per Click) ซึ่งก็คือราคาที่เรากำหนดไว้ว่าหากมีคนคลิ๊กเข้าไปดูเว็บไซต์ของเราผ่านทางตัวโฆษณา เราจะต้องจ่ายเงินให้กับ Search Engine
(รูปแบบการทำโฆษณา advertising)
การโฆษณา google ด้วยวิธีการทำ seo เป็นการโฆษณา เพื่อให้เว็บไซต์ของท่านติดอันดับในเว็บเสิร์ชเอ็นจิน เพื่อให้ง่ายต่อการโปรโมทให้เว็บไซต์ของท่านได้มีผู้เข้าชมเยอะๆ จากการที่ได้ทำการค้นหาจากคำๆหนึ่ง โดยการทำ seo จะต้องใช้เวลาในการทำอย่างน้อย 6 เดือน เพราะคู่แข่งในการทำ seo ตอนนี้มีจำนวนที่มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นการเลือกคีย์เวิร์ดมาใช้ในการทำก็ต้องพิจารณาให้ดีขึ้นด้วยเพราะถ้าหากเลือกใช้เป็นศัพท์เฉพาะมากเกินไปโอกาสที่จะมีคนเข้ามาเสิร์ชหาได้นั้นก็จะเป็นเรื่องที่ยากและโอกาสที่เว้บไซต์จะติดอันดับก็จะน้อยตามไปด้วย
(งบประมาณที่ใช้ในการทำโฆษณาและได้ผล)
ขึ้นอยู่กับคำที่ที่เราจะอยากให้คนค้นหาเจอเรา เช่นคำว่า โรงแรม มีการประมูลกันที่ คลิปละ 400 บาท หรือคำว่า บอลออยไลน์คำละ 50 บาท ดังนั้นงบประมาณที่ใช้ประมาณเดือนละ 50000 บาทถึงจะเห็นผล